วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2553

สู่อิสระภาพแห่งชีวิต ด้วยธุรกิจเครือข่ายออนไลน์

    สวัสดีครับ..เพื่อนๆทุกคน ผมเชื่อว่าเพื่อนๆหลายคนที่เป็นมนุษย์เงินเดือนอย่างผม คงเริ่มเบื่อหน่ายกับชีวิตการทำงาน ที่นับวันจะจำเจ และอยู่ภายใต้แรงกดดันต่างๆรอบด้าน   ยิ่งมีตำแหน่งสูงขึ้น หน้าที่ภาระความรับผิดชอบ ก็มากขึ้นเป็นเงาตามตัว ขณะที่รายได้ไม่แต่ต่างจากเดิมเท่าไหร่นัก แถมยังต้องทำงานล่วงเวลาโดยไม่ได้ค่าโอทีอีกต่างหาก

    ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่เพื่อนๆจะเลือกเส้นทางเดินให้กับชีวิตตัวเอง  ชีวิตเป็นของเรา เราก็ควรเป็นผู้กำหนดเอง ใช่ไม่ใช่..?  ไม่ใช่ว่าให้เจ้านาย หรือว่าพระเจ้า...มาเป็นผู้กำหนด  

          โลกแห่งธุรกิจเครื่องออนไลน์ อาจเป็นทางเลือกหนึ่ง ที่สามารถตอบโจทย์ในใจให้กับเพื่อนๆหลายคนได้  แม้หลายคนอาจกังวลใจกับการโดนหลอก ความไม่มั่นคงต่างๆนา หากเรามองว่า การลงทุนล้วนมีความเสี่ยง ทำไม่เราไม่ลองเสี่ยงด้วยต้นทุนเพียงน้อยนิด เพื่อพลิกชีวิตสู่ความยิ่งใหญ่  เพื่อมอบอิสระภาพให้กับชีวิตเราเอง..
           

          สนใจร่วมเดินทางสู่อิสระภาพแห่งชีวิต ด้วยธุรกิจเครือข่ายออนไลน์ กับ E-leader Group
  คลิ๊กเลยครับ..http://mk.eleader-group.com/
           


 
      

วันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

แ่ด่ผู้มุ่งหวังความสำเร็จบนเส้นทางออนไลน์




     หากคุณกำลังมองหางานบนโลกออนไลน์ และต้องการเริ่มทำธุรกิจออนไลน์ แต่ไม่รู้ว่าจะทำธุรกิจอะไรดี หรือจะมีก็ เพียงความคิดแบบทั่วไป ว่าสินค้าอะไรที่คุณต้องการขาย บางที 7 ขั้นตอนนี้อาจจให้แนวคิดและจุดประกายความฝันของคุณ ให้แจ่มชัดมากยิ่งขึ้น

    หากคุณยัง ไม่มีไอเดียเจ๋งๆ ว่าจะทำธุรกิจอะไรดี ขายสินค้าอะไรดี เรากำลังจะบอกวิธีสำรวจความคิดตัวคุณเอง วิธีการค้นหาไอเดียใหม่ๆ ที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวเองให้กับคุณ วิธีหาตลาดที่จะสามารถทำเงินให้กับคุณได้ คุณมีโอกาสสร้างรายได้จากความคิดของคุณได้มากเท่าไร และที่สำคัญยังมีช่องว่างในตลาดสำหรับ ธุรกิจของคุณอยู่หรือไม่

ต่อไปนี้ คือ 7 ขั้นตอน ง่ายๆ เพื่อสำรวจไอเดียในตัวคุณ

1. ถ้าคุณยังไม่มีความคิดว่าตลาด สินค้าหรือบริการประเภทไหนที่คุณต้องการจะไปทำธุรกิจ คุณจะต้องเริ่มคิดแล้วล่ะ จริงๆ แล้วคุณอาจจะมีความคิดที่จะทำธุรกิจอะไร อยู่บ้างแล้ว เพียงแต่ ว่ายังไม่ค่อยแน่ใจที่จะทำ แต่การจะเลือกทำธุรกิจอะไรก็ควรเลือกธุรกิจที่ทำให้คุณรู้สึก กระตือรือร้น สนุกสนาน อยากที่จะทำจริงๆ เพียงแค่นึกถึงว่าจะทำธุรกิจนี้ก็ทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้น รู้สึกว่าใช่เลยสำหรับคุณ

คุณต้องการ ประสบความสำเร็จใช่ไหม ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะใครๆ ก็อยากเป็นคนที่ประสบความสำเร็จกันทั้งนั้น แต่การประสบความสำเร็จจะเป็นเรื่องง่ายมาก ขึ้น ถ้าคุณได้ทำในสิ่งที่ทำให้คุณ รู้สึกสนุก อยากติดตาม อยากจะทำทุกๆ หน้า

ลองมารวบรวมความคิดว่างานอดิเรก อะไรที่คุณชื่นชอบ อะไรที่คุณสนใจเป็นพิเศษ ชอบเป็นพิเศษบ้าง ถ้าคุณสามารถค้นหาตัวเองได้แล้วว่าจริงๆ แล้วคุณมีความชื่นชอบอะไรเป็นพื้นฐานอยู่บ้าง แสดงว่าคุณเริ่มมีไอเดียแล้วล่ะว่าจะทำ ธุรกิจอะไร

2. เมื่อคุณรู้แล้วว่าอะไรคืองานอดิเรกหรืองานที่คุณชอบ ก็ลองคิดให้ลึกไปอีกนิดหนึ่งว่า คุณมีความรู้ทั่วๆ ไปเกี่ยวกับธุรกิจนั้นหรือเปล่า แต่ถ้าคุณต้องการความรู้เพิ่มเติมจริงๆ แล้วก็ไม่ใช่ปัญหาหรอก เพราะมันเป็นเรื่องที่คุณรัก เรื่องที่คุณสนใจอยู่แล้ว ก็คงไม่ใช่เรื่องยากหรือเป็นสิ่งที่ฝืนใจ คุณมากเท่าไรที่คุณจะเรียนรู้เพิ่มเติม

ตอนนี้มา ถึงการระดมความคิดรอบที่ 2...ไป นำกระดาษเปล่าๆ มาสักแผ่น แล้วเขียนทุกอย่างที่คุณคิดเกี่ยวกับธุรกิจที่คุณอยากจะทำ ทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง มีความสัมพันธ์กับสิ่งที่คุณสนใจลงไป แยกหัวข้อให้เห็นอย่างชัดเจนว่าอะไรสัมพันธ์ กับธุรกิจไหนที่คุณสนใจ ในกรณีที่คุณมีไอเดียเหลือเฟือ มีความชอบหลายอย่าง

ทั้งนี้ คุณต้องรวมความคิดให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะ เป็นไปได้ อาจจะมี สักอย่างหนึ่งแหละในความคิดเหล่านั้น ที่คุณสามารถนำมาพัฒนาต่อเป็นสินค้า หรือบริการที่มีศักยภาพมากพอที่จะนำมาขายบนเว็บไซต์ของตัวเอง

อย่างเช่น คุณอาจจะสนใจเรื่องอาหาร การลดความอ้วน การอบรม การทำโปสการ์ด โปสเตอร์ อยากเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า ของเล่น เครื่องเล่น กรงสัตว์ สถานที่เลี้ยงนก อาหารสัตว์ เป็นต้น แต่ในความเป็นจริงคุณอาจจะมีไอเดียที่ต่างไปจากนี้ก็ได้ พยายามเขียนออกมาให้ได้มากที่สุดละกัน

3. ตอนนี้คุณคงมีเป้าหมายในการทำ ธุรกิจที่หลากหลาย มีสิ่งที่สนใจเยอะแยะไปหมด ดังนั้นคุณจึงต้องทดสอบความคิดของคุณที่เขียนใส่ไปใน แผ่นกระดาษทั้งหมดว่าอะไรคือสิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจ

ลองมานั่ง คิดดูอย่างจริงๆ จังๆ ว่าธุรกิจอะไรจากไอเดียของคุณทั้งหมดที่มีอยู่ในตอนนี้ที่มี ความต้องการของตลาดมากพอ สามารถสร้างรายได้ สร้างผลกำไรให้กับคุณได้ บางทีธุรกิจที่คุณสนใจอาจจะเป็น Niche Market มีเพียงคนบางกลุ่มเท่านั้นที่ให้ความสนใจ ตลาดอาจจะแคบ มีกลุ่มเป้าหมายที่ค่อนข้างชี้เฉพาะ เป็นกลุ่มตลาดที่ไม่ต้องการสินค้าที่แตก ต่างกันเพื่อรองรับการใช้งานของคนหลายๆ ประเภท
วิธีตรวจสอบ ง่ายๆ ก็ลองเข้าไปค้นหาที่ Search Engine ของหลายๆ ค่าย แล้วพิมพ์คำว่า “word popularity search -คำที่นิยมใช้ในการค้นหา” ลงไป

จากนั้นคุณจะพบรายชื่อเว็บไซต์ที่ ให้บริการเรื่อง Keyword อยู่มากมาย คุณก็เลือกที่ให้บริการฟรี ที่ที่คุณสามารถพิมพ์คำหรือกลุ่มคำที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ที่คุณสนใจลงไปได้มากเท่าที่คุณต้องการ
หลังจาก พิมพ์ Keyword ที่ต้องการค้นหาลงไป แล้ว บนหน้าเว็บไซต์จะปรากฏความนิยมของ กลุ่มคำที่คุณพิมพ์ลงไป ว่ามีคนใช้กลุ่มคำเหล่านี้เพื่อค้นหามากน้อยเท่าไร ซึ่งถ้าคุณสามารถนับจำนวนความนิยมที่ใช้คำ หรือกลุ่มคำนั้นที่แสดงขึ้นมาได้ด้วยมือเปล่า ก็แสดงสินค้าหรือธุรกิจที่คุณสนใจ คำที่คุณใช้ค้นหานั้นยังมีความต้องการของ ตลาดน้อยอยู่ คนไม่ค่อย ให้ความสนใจค้นหามากนัก

4. ไอเดียที่คุณคิดขึ้นมา มีใครทำแล้วหรือยัง ก่อนหน้านี้อาจจะมีคนที่คิดเหมือนกับคุณอยู่แล้วก็ได้ แล้วก็มีการสร้างเว็บไซต์ทำธุรกิจอย่างเป็น เรื่องเป็นราวขึ้นมาแล้วก่อนหน้าคุณ เพราะว่าบนโลกอินเทอร์เน็ตนั้นมีเว็บไซต์อยู่เป็นล้านๆ เว็บ ถ้าคุณคิดจะทำธุรกิจที่มีไอเดียคล้ายๆ หรืออาจจะเหมือนกันเลยทีหลังคนอื่น ก็ต้องทำให้แจ๋วกว่า สวยกว่า มีจุดเด่นที่แตกต่างออกไป

คุณอาจจะ เริ่มเหนื่อยใจเล็กๆ แต่อย่าท้อ เอาล่ะ...อะไรที่คุณต้องทำในตอนนี้ กลับไปที่หน้า Search Engine อีกครั้ง แล้วพิมพ์หลายๆ Keywords ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่คุณสนใจลงไป จากนั้นจะมีรายการเว็บไซต์ที่สัมพันธ์กับ Keywords ที่คุณค้นหาขึ้นมาให้ บางเว็บอาจจะเป็นคู่แข่งโดยตรง คราวนี้คุณก็เลือกสัก 2-3 อันดับ ที่ถูกจัดลำดับไว้แรกๆ แล้วจดชื่อเว็บไซต์เอาไว้

คราวนี้คุณ ไปที่หน้า Search Engine อีกครั้ง แล้วพิมพ์คำว่า “Traffic Ranking” แล้วคุณจะได้รับรายการชื่อเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลการจัดอันดับ จากนั้นคุณก็คลิกเข้าไปในเว็บไซต์นั้น แล้วใส่ชื่อเว็บไซต์ที่คุณจดไว้ในขั้นตอนที่ 3 พิมพ์ใส่ลงไป คุณก็รู้ว่าเว็บไซต์นั้นมีการเคลื่อนไหวภายในเว็บไซต์สูงหรือ ได้อันดับที่ดีในแง่ของ Traffic หรือไม่

การจัด อันดับ หมายถึง ความนิยมของเว็บไซต์นั้นที่ได้รับจากโลกอินเทอร์เน็ต แต่ก็ไม่ได้มีความแม่นยำ 100% หรอก แต่อย่างน้อยก็เป็นดัชนีชี้วัดความนิยมอย่างหนึ่งจาก เว็บไซต์ที่มีอยู่เป็นล้านๆ เว็บไซต์ที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับไอเดียของคุณ นอกจากนี้คุณยังสามารถได้รายละเอียดข้อมูล จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ และจำนวนหน้า Page View ของหน้าเว็บไซต์นั้นได้อีกด้วย

5. ตอนนี้คุณก็จะหาเว็บไซต์ที่ได้ อันดับที่ดีๆ และใกล้เคียง หรือตรงกับไอเดียของคุณแล้ว ซึ่งเว็บไซต์ส่วนใหญ่ก็คงเป็นคู่แข่งกับคุณโดยตรง มีการขายสินค้าเหมือนกัน หรือไม่ก็เป็นเว็บไซต์ก็เป็นเว็บท่า (Portal Sites)
โดยทั่วไปแล้วเว็บท่าจะไม่ขายอะไร แต่จะเป็นแหล่งที่รวมลิงค์ไปยังเว็บไซต์อื่น และมีการโฆษณาบนหน้าเว็บไซต์ ซึ่งหลายๆ ที่ก็มีเนื้อหาบนเว็บที่ดี

จุดสำคัญ
เมื่อคุณค้น หาด้วย Keywords ของคุณใน Search Engine คุณไม่ต้องย้อนกลับไปเพื่อค้นหา ผลลัพธ์เป็นล้านๆ ครั้ง บางที Keyword ที่คุณใช้ค้นหานั้นอาจจะเป็นตลาดที่อิ่มตัวไปแล้ว แต่การมีเว็บท่าก็เป็นสัญญาณที่ดี ซึ่งคุณสามารถใช้ประโยชน์จากเว็บท่านี้ เพื่อช่วยสร้างธุรกิจของคุณได้ในภายหลัง
เช่นเดียว กัน เมื่อคุณใช้ Keyword ที่เป็นที่นิยมในการค้นหา คุณก็คงไม่ต้องการเห็นผลลัพธ์ที่บ่งบอกว่า มีคนเป็นร้อย เป็นพัน ที่ทำธุรกิจ-ขายสินค้าในแบบเดียวกัน เพราะว่านั่นก็คือคู่แข่งของคุณที่เหมือนว่าจะมากเกินไป

6. เว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมถูกจัด อันดับอยู่ในระดับต้นๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีข้อได้เปรียบมากกว่าเว็บอื่น

ประเด็น สำคัญมันอยู่ที่คุณจะมีศักยภาพในการคิดไอเดียใหม่ๆ ขึ้นมาได้มากเท่าไร คุณสามารถเปลี่ยนแปลงสินค้า และพัฒนาเว็บไซต์ที่คุณจะทำให้เจ๋งกว่าคนอื่นที่เขาทำมาก่อน หน้าคุณได้หรือไม่
วิธีง่ายๆ ก็เข้าไปที่เว็บไซต์ที่คาดว่าจะเป็นคู่แข่ง ของคุณ ทำการตรวจ สอบสินค้าและราคาให้ละเอียดก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็เอามาประมวลผลดูว่า คุณจะทำอะไรให้แตกต่างและมีประโยชน์มากกว่า เว็บไซต์อื่นๆ ได้บ้าง หรือจะทำอะไรที่จะสามารถสร้างโอกาสการทำรายได้ให้กับคุณได้ มากขึ้น

ลองมองไปรอบๆ ตัวเองสักพักหนึ่ง แล้วมองดูว่าเว็บไซต์เหล่านั้นสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างไร ใครที่สามารถซื้อใจลูกค้าได้ ลูกค้ายอมเทใจจ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าของเขา ซึ่งอาจจะซื้อแบบครั้งแล้ว ครั้งเล่า เพราะติดใจในสินค้าและบริการ สินค้าอะไรในกลุ่มธุรกิจที่คุณต้องการทำที่ผู้คนสนใจซื้อ ซึ่งถ้าคุณจะขายสินค้าในแบบเดียวกัน ก็ต้องมีคุณภาพที่ดีกว่าหรือเทียบเท่า มีบริการที่ดี สามารถเล็งเห็นคุณประโยชน์ หรือสร้างมูลค่าให้กับลูกค้าได้เพิ่มขึ้น


7. ในวันที่คุณ กำหนดกลุ่มตลาดเป้าหมาย คุณจำเป็นต้องขยายกลุ่มตลาดที่มีความสัมพันธ์กับสินค้าของคุณ ให้เพิ่มขึ้นด้วย

ยกตัวอย่างเช่น คุณเป็นคนที่ชอบเลี้ยงนกแก้วสวยๆ ก็เลยอยากจะทำธุรกิจเกี่ยวกับขายกรงนกแก้ว ต่อมาคุณก็สามารถขยายธุรกิจของคุณจากการแค่ขายกรงนกแก้ว ก็มาเริ่มขายอาหารนกแก้ว รวมทั้งอาหารนกชนิดอื่นๆ ด้วย อย่างนกพิราบ นกเขาใหญ่ เป็นต้น เท่านั้นยังไม่พอ คุณยังเป็นคนหนึ่งที่ชอบการถ่ายรูป ก็สามารถถ่ายรูปนก รูปสัตว์ต่างๆ ที่คุณชอบ แล้วมาทำเป็นโปสเตอร์รูปนกต่างๆ เสนอขายเพิ่มเข้าไปอีก ซึ่งนั่นก็จะทำให้ธุรกิจของคุณครอบคลุมตลาด ได้มากขึ้น สร้างความ พิเศษและแตกต่างกว่าเว็บไซต์อื่นๆ

แต่ทั้งนี้การเติบ โตทางธุรกิจก็จำเป็นที่จะต้องอยู่รอดให้ได้ในระยะยาวด้วย
นี่เป็นหลัก เกณฑ์ที่ควรพิจารณาเพิ่มเข้าไป เมื่อเริ่มกำหนดกลุ่มตลาดเป้าหมาย ถ้าคุณไม่ต้องการเป็นแค่เว็บไซต์ที่ถูกชื่น ชอบเพียงชั่วครั้งชั่วคราว ไม่อยากเป็นดอกไม้ริมทางที่ให้คนเข้ามาเชยชมเพียงชั่วครั้ง ชั่วคราวแล้วก็จากไป

มีหลักเกณฑ์อยู่ 2 ข้อ ที่จะช่วยค้นหาตลาดที่มีโอกาสเติบโต ซึ่งตรงกับที่คุณต้องการ

a) ในกระบวนการค้นหาด้วย Keyword ยอดฮิต จะต้องเลือกคำที่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายของสินค้าหรือธุรกิจ ที่คุณจะทำจริงๆ ถ้าไอเดียที่คุณจะทำธุรกิจประเภทนั้นเป็นที่ต้องการของตลาด คุณก็มีโอกาสเติบโตต่อไปในอนาคต แต่ถ้าคุณต้องดิ้นรนหา Keywords ที่มีความสัมพันธ์กัน ก็คงต้องกลับไประดมความคิดอีกรอบ หรือไม่ก็ลองค้นหาจากอินเทอร์เน็ตด้วยการ ใช้ “Keyword Mapping” จากเว็บไซต์ ที่มีให้บริการ

b) มองหาว่าคู่แข่งของคุณขายสินค้าอะไร ถูกจัดอันดับไว้ในระดับดีๆ หรือไม่ มีการขยายไปในทางที่จะเป็นเจ้าของตลาด สินค้านั้นรายเดียวหรือไม่ แล้วเว็บไซต์เหล่านั้นมีความสามารถในการขายสินค้ามากแค่ไหน จากนั้นคุณก็เอามาประมวลผลดูว่าจะทำให้แตก ต่างออกไปได้อย่างไรบ้าง

บทสรุป

ไอเดียของ คุณต้องมีคุณสมบัติเหล่านี้ เพราะมันจะสร้างรายได้กลับมาให้คุณได้
· มีกลุ่มเป้าหมายทางการตลาดที่เฉพาะเจาะจง
· ไอเดียของคุณต้องสามารถกลับมาสร้างเป็นสินค้าที่ได้ รับความนิยม
· กลุ่มเป้าหมายที่ตั้งไว้ต้องยัง ไม่ถึงจุดอิ่มตัวของตลาด
· ราคาและ คุณภาพให้มีศักยภาพมากพอที่จะแข่งขันได้
· ยังมี ที่ว่างให้ขยายตลาดและเติบโตในตลาดนั้นได้อีกมาก

และนี่คือ การตามล่าค้นหาไอเดียที่จะมาสร้างรายได้ให้กับคุณเพิ่มขึ้น...เค้นไอเดีย แจ่มๆ ออกมาให้ ได้ เพื่อเงินทองที่รอคุณอยู่ 

ที่มา http://www.ecommerce-magazine.com


      

วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ข้อมูลเกี่ยวกับน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว



   น้ำมันจมูกข้าวและรำข้าว เป็นน้ำมันที่ได้จากกระบวนการพิเศษในการสกัดเอาสารสำคัญที่มีประโยชน์นานาชนิด ซึ่งมีอยู่ในเยื่อหุ้มเมล็ดข้าว (Seed Membrane Layer) และจมูกข้าว (Rice Germ) จึงอุดมด้วยสารสำคัญทางธรรมชาติ และมีคุณค่าสูงต่อร่างกายหลายชนิด เช่น 





  •  กลุ่มสารฟอสโฟไลฟิด (Phospholipids) เช่น เลซิติน (Lecithin) เซฟฟาลิน (Cephalin) ไลโซเลซิติน (Lysolecithin) ซึ่งมีความสำคัญในการนำไปสร้าง และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของเซลล์ประสาทสมอง และช่วยป้องกันเซลล์ประสาท จากสารที่เป็นพิษและอนุมูลอิสระต่างๆ ช่วยลดความเครียด และช่วยเสริมสร้างในด้านความจำ 
  • กลุ่มเซราไมด์ (Ceramide) ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของชั้นใต้ผิวหนัง ช่วยทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น การเสริมสร้างเซราไมด์ให้เพียงพอ ทั้งโดยการรับประทานหรือการให้ทางผิวหนังในรูปการทาครีม หรือโลชัน จะช่วยรักษาผิวพรรณให้สดใสเปล่งปลั่ง ปราศจากริ้วรอยย่นก่อนเวลาอันควร นอกจากนี้เซราไมด์ยังมีคุณสมบัติเป็นไวท์เทนเนอร์ (Whitener) ซึ่งสามารถยับยั้งการสังเคราะห์เมลานิน อันเป็นสาเหตุให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำบนผิวพรรณได้ดี และยังเป็นมอยเจอไรเซอร์ (Moisturizer) ให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวอีกด้วย 
  • กลุ่มคอลโทคอล (Tocols) วิตามินอีธรรมชาติ ในรูปของโทโคเฟอรอล(Tocopherol) และโทโคไทรอีนอล (Tocotrienol) มีประโยชน์ต่อร่างกายในการสร้าง และซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ ของร่างกายและยังช่วยทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่อโรคต่างๆช่วยต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นเหตุสำคัญของการเกิดโรคมะเร็ง 
  • กลุ่มกรดไขมันไลโนเลอิค (Linoleic Acid) หรือโอเมก้า 6 และกรดไลโนเลอิค (Linoleic Acid) หรือโอเมก้า 3 ที่เป็นกรดไขมันจำเป็น โดยมีอยู่ประมาณ33% 
  • กลุ่มวิตามิน B – Complex ซึ่งช่วยให้การทำงานของระบบประสาทดีขึ้น 
  • กลุ่มแกมมา ออไรซานอล มีฤทธิ์ในการลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ ทำให้ลดการตีบตันของหลอดเลือด เพิ่มการไหลเวียนของโลหิต และยังมีฤทธิ์ในการลดความเครียด และรักษาอาการผิดปกติของสตรีวัยทอง นอกจากนี้ยังเป็นสารอนุมูลอิสระ และยังป้องกันแสงยูวีได้ เมื่อใช้กินหรือใช้ทา ทำให้ผิวหนังชุ่มชื่นและต้านการอักเสบ สารชนิดนี้มีความปลอดภัยสูงมาก
            
       
                                   น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว

  น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าว เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่สามารถดูแลสุขภาพแบบองค์รวม โดย รศ.ดร. สุรพจน์ วงศ์ใหญ่ คณะบดีคณะแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต และ 1 ใน 12 ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรของสหประชาชาติ ผู้วิจัยน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวจนโด่งดังขายดีมากใน U.S.A. และยุโรป โดยสรุปน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวดูแลสุขภาพ 4 เรื่อง ดังนี้
  1. เรื่องเกี่ยวกับสมอง ช่วยลดอาการเครียด ปวดหัว ไมเกรน นอนไม่หลับ ความจำเสื่อม เสริมสร้างเซลล์สอง โดยรับประทานวันละ 4 แคปซูล (เช้า 2 แคปซูล,เย็น 2 แคปซูล) หลังอาหาร ภายใน 1-2 วันจะเห็นผลชัดเจนในเรื่องของความเครียด นอนไม่หลับ*หากใครทาน 4 แคปซูลต่อวันแล้วมีอาการมืนงง ให้ลดเหลือ 2 แคปซูล เนื่องจากคนๆนั้นตอบสนองต่อน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวดีมากจนเส้นเลือดในสมองขยายตัวมากเกินไป จนเลือดไปเลี้ยงสมองมากเกินไป (แต่จำนวนน้อยมากๆที่มีอาการเช่นนี้)  
  2. โรคเสื่อม เช่น ไขมันในเส้นเลือด ความดัน เบาหวาน โรคหัวใจ เก๊า อัมพฤต มือเท้าชา อาการวัยทอง ให้ทานวันละ 4 แคปซูล (เช้า 2 แคปซูล, เย็น 2 แคปซูล) หลังอาหารใน 7 วันแรก หากยังไม่เห็นผล ให้เพิ่มเป็น 6 แคปซูลต่อวัน (เช้า,กลางวัน,เย็น)โรคมะเร็งขั้นที่ 1-2 รับประทานเป็น 9 แคปซูลในสัปดาห์ที่ 2  
  3. โรคอักเสบ เกี่ยวกับข้ออักเสบ ผิวหนังอักเสบ อื่นๆ รับประทานวันละ 4 แคปซูล (เช้า 2 แคปซูล, เย็น 2 แคปซูล) หลังอาหารใน 7 วันแรก หากยังไม่เห็นผล ให้เพิ่มเป็น 6 แคปซูลต่อวัน ช้า,กลางวัน,เย็น)  
  4. การต้านอนุมูลอิสระ จะมีความสามารถต้านอนุมูลอิสระดีกว่าพวกน้ำมันตับปลาถึง 60 เท่า ทำให้อาการที่เกิดจากอนุมูลอิสระไปทำลายจนโรคเสื่อมเกิดน้อยลง เช่น หากอนุมูลอิสระไปทำลายเซลล์ตับอ่อน ทำให้การสร้างอินซูลินบกพร่อง จึงเกิดเบาหวาน หากไปทำลายผนังหลอดเลือด ทำให้เกิดรอยแผลที่ผิวหลอดเลือด ทำให้ไขมันไปเกาะง่าย จึงเกิดไขมันอุดตัน
 


ลิงค์เพื่อนบ้าน

video clip

ลิงค์เพื่อนบ้าน

Free Add URL

วันพุธที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2553

การตลาดธุรกิจเครือข่ายออนไลน์


เว็บไซต์ Social Networking ไม่เพียงแต่สร้างชุมชนคนที่ชื่นชอบอะไรที่เหมือนกันแล้ว ยังเป็นฐานข้อมูลชั้นดีให้กับนักการตลาด หากรู้จักที่จะใช้ประโยชน์จากเว็บไซต์เหล่านี้ในการเข้าถึงตัวตนของลูกค้า ไลฟ์สไตล์ ของผู้บริโภคคนหนึ่งอาจจะกระจายว่อนอยู่ทั่วโลกออนไลน์ พวกเขาอาจเป็นสมาชิกหรือใช้บริการของเว็บไซต์หลากประเภท ดังนั้น Web 2.0 สามารถนำมาจับไลฟ์สไตล์เพื่อตอบสนองต่อ Personal Identification ได้
หาก นักการตลาดรู้ว่าพวกเขาชื่นชอบภาพประเภทใด หรือเนื้อหาประเภทใด ย่อมสามารถต่อจิ๊กซอว์เพื่อบ่งชี้ถึงไลฟ์สไตล์ของเขาได้ครอบคลุมแบบบูรณาการ มากขึ้น และสามารถชี้ชัดถึง Personal Identification ของผู้บริโภคแต่ละคนได้อย่างชัดเจน ยิ่งกว่าการตอบแบบสอบถามหรือโฟกัสกรุ๊ป เพราะการสำรวจวิจัยด้วยวิธีนั้นมีข้อเสียคือ กลุ่มตัวอย่างมักไม่พูดความจริงทั้งหมด แต่พฤติกรรมที่เกิดในโลกออนไลน์กลับเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจริง ติดตามความถี่และลักษณะการใช้งานได้

ตารางแสดงพฤติกรรมและลักษณะการใช้งานของผู้บริโภค

Facebook

  • กลุ่ม เป้าหมายและการใช้งาน - นักศึกษามหาวิทยาลัย คนทำงานที่มีความรู้ภาษาอังกฤษดีเพราะส่วนใหญ่ใช้ติดต่อกับเพื่อนฝูงต่าง ประเทศ (แม้ขณะนี้จะสามารถใช้งานภาษาไทยได้แล้วก็ตาม ลักษณะของเครือข่ายส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงาน โดยจะเป็นการขอ Add และรับ Add เฉพาะคนที่รู้จักเป็นหลัก
  • จำนวนผู้ใช้งานทั่วโลก 132 ล้านคน (ใกล้เคียงกับจำนวนประชากรไทยและเกาหลี/ฝรั่งเศสรวมกัน)

MySpace

  • กลุ่มเป้าหมายและการใช้งาน - ผู้ใช้งานทั่วไปที่ไม่ต้องการฟังก์ชันการใช้งานหวือหวา ส่วนใหญ่ได้รับความนิยมในสหรัฐฯ
  • จำนวนผู้ใช้งานทั่วโลก 117 ล้านคน (ใกล้เคียงกับจำนวนประชากรอังกฤษและอิตาลีรวมกัน)

Friendster

  • กลุ่ม เป้าหมายและการใช้งาน - เป็นสังคมเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย มีคลับต่างๆ แยก Category อย่างชัดเจน เป็นเครือข่ายของแฟนคลับที่แยกความสนใจเฉพาะด้านได้
  • จำนวนผู้ใช้งานทั่วโลก 90 ล้านคน (ใกล้เคียงกับจำนวนประชากรของฟิลิปปินส์) ผู้ใช้งานส่วนใหญ่เป็นวัย 18-24 ปี (58%)

Hi5

  • กลุ่ม เป้าหมายและการใช้งาน - เป็นสังคมเครือข่ายที่คนไทยนิยมใช้มากที่สุด โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น นิยมโพสต์รูปสไตล์ Self-portrait นอกเหนือจากไว้รักษาสัมพันธ์กับเพื่อนฝูงแล้ว ยังพบการใช้งานที่ขอ Add คนแปลกหน้าที่ตนเองสนใจในหน้าตามากกว่าโปรไฟล์
  • จำนวนผู้ใช้งานทั่วโลก 56 ล้านคน (ใกล้เคียงกับจำนวนประชากรอิตาลี)

Mulitply

  • กลุ่มเป้าหมายและการใช้งาน - เด่นในเรื่อง File Sharing เป็นเครือข่ายโปรดของช่างถ่ายภาพในการโชว์และพรีเซนต์ Portfolio
  • จำนวนผู้ใช้งานทั่วโลก 11 ล้านคน (ใกล้เคียงกับจำนวนประชากรคิวบา)

LikedIn

  • กลุ่ม เป้าหมายและการใช้งาน - นักธุรกิจนิยมใช้ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ไอเดีย และโอกาสทางทุกธุรกิจกว่า 150 อุตสาหกรรมทั่วโลก เป็นเครือข่ายสำหรับนักแสวงหาโอกาสและคอนเนกชั่น โดยแต่ละคนจะใส่ผลงาน ความสำเร็จต่างๆ ไว้อย่างเต็มที่
  • จำนวนผู้ใช้งานทั่วโลก 30 ล้านคน (ใกล้เคียงกับจำนวนประชากรแคนาดา)

A Small World

  • กลุ่ม เป้าหมายและการใช้งาน - สังคมเครือข่ายของคนรวย ที่พูดคุยกันถึงไลฟ์สไตล์อันโก้หรู และธุรกิจส่วนตัวของพวกเขา จะเป็นสมาชิกได้จะต้องได้รับคำแนะนำจากสมาชิกที่เชื่อถือได้เท่านั้น เพื่อคงความเป็น Exclusive ไว้
  • จำนวนผู้ใช้งานทั่วโลก 320,000 คน (เท่ากับจำนวนประชากรประเทศไอซ์แลนด์) มีรายได้ขั้นต่ำต่อปี 150,000



วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ธุรกิจครือข่าย/ออนไลน์ MLM ทำอย่างไรให้สำเร็จ ?


       ทำไมผู้คน99%ถึงล้มเหลวในธุรกิจMLM เพราะอะไร?

ผมว่าผู้คนส่วนใหญ่ที่เคยทำธุรกิจเครือข่ายมาก่อนจะมีคำถามมากมายอยู่ในใจว่า เราล้มเหลวกับธุรกิจเครือข่ายMLM เพราะอะไร? มักจะโทษต่างๆนานาว่า บริษัทไม่มั่นคง แผนการตลาดไม่ดี สินค้าไม่ดี แม่ทีมหรือ Upline เราเอาเปรียบ นิสัยไม่ดี ไม่ดูแล สมัครแล้วทิ้ง มีเป็นร้อยเหตุผล

แต่ผมถามจริงๆนะคับ คุณจะสำเร็จในธุรกิจMLMได้เพราะปัจจัยภายนอกจริงๆหรอ เพราะ บริษัท Upline เพราะคนอื่นจริงๆหรอ คุณเคยถามตัวคุณเองบ้างไหมว่ามันอาจะเป็นที่ตัวเรา ทำไมล่ะ? หลายคนคงมีคำถามมากมาย ผมจะอธิบายใหัเข้าใจว่าทำไมตัวเราถึงเป็นสาเหตุ ตามธรรมชาติของมนุษย์เมื่อเราเป็นผู้นำของทีมงานที่เราดูแลอยู่ เราดูแลทีมงานตอนสมัครแรกๆ และเวลาผ่านไปสักระยะ

ตัวเรามุ่งที่จะหาคนใหม่เพื่อเติมเต็มความฝันของตัวเอง และทิ้งให้คนเก่าทำงานด้วยตัวเองหรือช่วยตัวเอง ทำงานแบบผิดๆๆ ถูกๆๆ กลับกลายเป็นการถ่ายทอดวัฒนธรรมในองค์กรตัวเองโดยไม่รู้ตัว คือมุ่งมั่นหาคนใหม่ ปล่อยคนเก่าเอาตัวรอด คุณเคยเห็น โดมิโน ไหมครับ ต่อให้คุณมีเป็นหมื่นชิ้นแต่ตัวแรกล้มมันจะล้มทั้งหมดเป็นทอดๆ ถ้าเปรียบเสมือนทีมงานเหมือนเมล็ดพันธ์พืช ต่อให้คุณมีเป็นหมื่นเมล็ด แต่คุณได้มาแล้ว คุณไม่ได้ให้ปุ๋ยที่ดีการรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ การเอาใจใส่ คุณปล่อยให้เมล็ดพันธ์รอน้ำจากฝนอย่างเดียว คุณคิดว่ามันจะรอดไหมคับ คำตอบคือ ตายกันหมดทั้งหมื่นเมล็ด! หลังจากที่ผมได้ผ่านประสบการ์ณกับธุรกิจเครือข่ายมาหลายปี และหลายบริษัท

จนผมตั้งคำถามกับตัวเองว่า ถ้าคนในองค์กรเราเหมือนเมล็ดพันธ์ และวิธีการที่จะทำให้เมล็ดพันธ์เติบโตที่ยั่งยืน จะต้องทำอย่างไร และผมได้สร้างระบบขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ว่าเมื่อทุกๆคนที่เข้ามาเริ่มธุรกิจใหม่ๆนั้นต้องการ การดูแล ในเรื่องของวิธีการทำงานที่ถูกต้อง และมีทัศนคติที่ถูกต้องด้วย จะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้ เป็นระบบ E-Trainning 24 ชม. สำหรับทีมงานผม ทีมีชื่อว่า

ระบบ E-Leader เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ที่จะเปลี่ยนจากผู้ตามเป็นผู้นำ และจากคนที่Check Email เป็นอย่างเีดียว จนเป็นผู้นำออนไลน์อย่างแท้จริง คุณไม่ต้องเชื่อผมจากการฟังหรือเล่าเรื่องนะคับ ผมอยากให้เชื่อจากการทดลองและพิสูจน์ สำหรับผู้คนทีสนใจผมให้โอกาสกับทุกคนคับ

ผมได้สร้างบทเรียน Workshop 15 บท เพื่อให้ทดสอบว่าระบบ E-leader สุดยอด!แค่ไหน

เชิญพิสูจน์ได้นะคับ แค่คุณกรอกชื่อ อีเมล์ จะมีบทเรียนส่งตรงถึงอีเมล์ุคุณครับ ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ ผมมอบเป็นโบนัสสำหรับคนที่ต้องการความสำเร็จ และต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเอง และรู้วิธีการทำงานที่ถูกต้องคับ ข้อแรกของผู้นำที่ดีคือคุณต้องรู้จักให้ก่อนที่จะได้รับครับ เข้าไปกรอกรายละเีอียดได้ที่นี่คับ Click ! mk.eleader-group.com

Mr.MK. Writer